วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

Mac OS X v10.6 Snow Leopard: วิธีลบและติดตั้ง

Mac OS X v10.6 Snow Leopard: วิธีลบและติดตั้ง

ใช้ขั้นตอนเหล่านี้เพื่อคืนค่าการตั้งค่าจากโรงงานและซอฟต์แวร์ที่มาพร้อมกับคอมพิวเตอร์ตั้งแต่แรกด้วยการใช้ DVD การติดตั้งที่ส่งมาพร้อมกับเครื่อง สิ่งสำคัญ: สำหรับ MacBook Air ต้องใช้ MacBook Air SuperDrive หรือ MacBook Air Software Reinstall Drive (ไดรฟ์ติดตั้งซอฟต์แวร์ MacBook Air Software ใหม่) ในการดำเนินขั้นตอนนี้

ขั้นตอนนี้มีสี่ส่วน:
  1. การลบฮาร์ดไดรฟ์
  2. การคืนค่าระบบปฏิบัติการ Mac OS X โดยใช้ DVD การติดตั้ง Mac OS X
  3. การดำเนินการตาม Mac OS X Setup Assistant ให้เสร็จสมบูรณ์
  4. การคืนค่าแอพพลิเคชันที่รวมมาโดยใช้ดิสก์การติดตั้งของแอพพลิเคชัน
ข้อมูลสำคัญ: ขั้นตอนนี้จะลบฮาร์ดไดรฟ์ของคุณทั้งหมด ถ้าคุณติดตั้ง Microsoft Windows โดยใช้ Boot Camp หรือมีหลายพาร์ติชัน ขั้นตอนนี้จะลบพาร์ติชันที่คุณเลือก
ส่วนที่หนึ่ง: การลบฮาร์ดไดรฟ์
  1. เปิดคอมพิวเตอร์
  2. ใส่ DVD ติดตั้ง Mac OS X Install ในไดรฟ์ออปติคอลหรือใส่ MacBook Air Software Reinstall Drive (ไดรฟ์ติดตั้งซอฟต์แวร์ MacBook Air ใหม่) ในพอร์ต USB
  3. กดปุ่ม "C" ค้างไว้ในขณะที่คอมพิวเตอร์เริ่มต้นทำงาน คอมพิวเตอร์จะเริ่มต้นโดยใช้สื่อการติดตั้ง หรือให้กดปุ่ม Option ค้างไว้ขณะเริ่มต้นเพื่อเลือกไดรฟ์ข้อมูลที่มีตัวติดตั้ง
  4. ถ้าคุณใช้เมาส์ไร้สาย ไอคอนเมาส์ควรปรากฏข้อความให้คุณเปิดเมาส์เพื่อให้คอมพิวเตอร์พบเมาส์ของคุณ
  5. เลือกภาษา จากนั้นกดปุ่มลูกศรชี้ขวา
  6. คลิกที่เมนู Utilities (ยูทิลิตี) แล้วเลือก Disk Utility (ยูทิลิตีของดิสก์)
  7. เลือกรุ่นที่จะลบ (โดยปกติจะเรียกว่า Macintosh HD)
  8. คลิกแท็บ Erase (ลบ)
  9. คลิก Erase... (ลบ...) ข้อมูลสำคัญ: ขั้นตอนนี้จะลบฮาร์ดไดรฟ์ของคุณทั้งหมด ถ้าคุณติดตั้ง Microsoft Windows โดยใช้ Boot Camp หรือมีหลายพาร์ติชัน ขั้นตอนนี้จะลบพาร์ติชันที่คุณเลือก
  10. กรอบข้อความจะปรากฏขึ้นเพื่อสอบถามว่าคุณต้องการลบพาร์ติชันหรือไม่: คลิก Erase (ลบ)
  11. หลังจากลบพาร์ติชันแล้ว ให้เลือก Quit Disk Utility (ออกจากยูทิลิตีของดิสก์) จากเมนู Disk Utility (ยูทิลิตีของดิสก์)
ส่วนที่สอง: การติดตั้งระบบปฏิบัติการ
  1. เมื่อหน้าจอโปรแกรมติดตั้งของ Mac OS X Snow Leopard ปรากฏขึ้น ให้คลิกที่ Continue (ทำต่อไป)
  2. เมื่อข้อตกลงของใบอนุญาตปรากฏขึ้น ให้คลิก Agree (เห็นด้วย)
  3. เลือกดิสก์ที่คุณลบ ซึ่งควรมีการเน้นรายการดิสก์ด้วยลูกศรสีเขียว
  4. คลิก Install (ติดตั้ง) บาร์สถานะจะปรากฏขึ้นที่ด้านล่างของหน้าจอในขณะที่ติดตั้ง Mac OS X
  5. หน้าจอข้อมูลเพิ่มเติมจะปรากฏขึ้น ซึ่งจะช่วยแนะนำว่าระบบปฏิบัติการของคุณได้รับการติดตั้งแล้ว คลิก Continue (ดำเนินการต่อ)
  6. หน้าจอ Install Succeeded (ติดตั้งสำเร็จแล้ว) จะปรากฏ คลิกรีสตาร์ท
ส่วนที่สาม: การดำเนินการตาม Mac OS X Setup Assistant ให้เสร็จสมบูรณ์
  1. เมื่อการรีสตาร์ทเสร็จสิ้น วิดีโอต้อนรับจะเริ่มเล่น จากนั้นหน้าจอการเลือกประเทศ/ภูมิภาคจะปรากฏขึ้น
  2. เลือกประเทศและภูมิภาคของคุณ แล้วคลิก Continue (ทำต่อไป)
  3. เลือกโครงร่างคีย์บอร์ด แล้วคลิก Continue (ทำต่อไป)
  4. หน้าจอการโยกย้ายจะปรากฏขึ้น ถ้าคุณต้องการโยกย้ายข้อมูลจาก Macintosh เครื่องอื่น โปรดดู เทคนิคและเคล็ดลับการโยกย้าย ถ้าคุณไม่ต้องการโยกย้าย หรือต้องการโยกย้ายในภายหลัง ให้เลือก "Do not transfer my information now" (ไม่ต้องโอนข้อมูลของฉันในขณะนี้) และคลิกที่ Continue (ทำต่อไป)
  5. หน้าจอบริการไร้สายจะปรากฏขึ้นถ้ามีบริการไร้สายที่สามารถใช้งานได้ภายในบริเวณใกล้เคียงกับคอมพิวเตอร์ของคุณ เลือก "On" และคลิก Continue (ทำต่อไป)
  6. ถ้าเครือข่ายมีการป้องกันด้วยรหัสผ่าน ระบบจะถามรหัสผ่านเมื่อคุณเลือกเครือข่าย พิมพ์รหัสผ่านและคลิกที่ Continue (ทำต่อไป)
  7. หน้าจอ Apple ID จะปรากฏขึ้น ซึ่งจะใช้เพื่อซื้อเนื้อหาจาก iTunes Store คุณสามารถใช้ชื่อผู้ใช้ของ MobileMe หรือ .Mac ได้ที่นี่เช่นเดียวกัน เมื่อดำเนินการเสร็จสิ้น ให้คลิก Continue (ทำต่อไป)
  8. ถ้าคุณไม่มี Apple ID หรือบัญชี MobileMe ให้คลิก Continue (ทำต่อไป) เพื่อไปยังหน้าจอถัดไป
  9. หน้าจอข้อมูลการลงทะเบียนจะปรากฏขึ้น คุณไม่จำเป็นต้องกรอกข้อมูล แต่จะเป็นประโยชน์สำหรับคุณหากดำเนินการ เมื่อดำเนินการเสร็จสิ้น ให้คลิก Continue (ทำต่อไป) และการลงทะเบียนผลิตภัณฑ์ของคุณจะถูกส่งไปในทันที
  10. ถ้าเซิร์ฟเวอร์ของ Mac OS X สามารถใช้งานได้ในเครือข่ายของคุณ ระบบจะสอบถามว่าคุณต้องการเข้าสู่ระบบหรือไม่ ถ้าไม่ต้องการ ให้คลิก Continue (ทำต่อไป)
  11. หน้าจอสร้างบัญชีของคุณจะปรากฏขึ้น ซึ่งจะใช้เพื่อสร้างบัญชีผู้ใช้ที่มี ID ล็อกอินและรหัสผ่านสำหรับคอมพิวเตอร์ของคุณ คุณควรจดจำรหัสผ่านนี้ไว้ ระบบจะถามรหัสผ่านเมื่อคุณติดตั้งซอฟต์แวร์ใหม่หรือทำงานอื่นๆ เกี่ยวกับการดูแลระบบบนคอมพิวเตอร์ของคุณ เมื่อดำเนินการเสร็จสิ้น ให้คลิกที่ Continue (ทำต่อไป) และระบบจะสร้างบัญชีของคุณในทันที
  12. หน้าจอสำหรับเลือกรูปภาพของผู้ใช้จะปรากฏขึ้น ถ่ายรูปด้วยกล้องที่มีอยู่แล้วในระบบ หรือเลือกรูปภาพจากไลบรารีของคุณ เมื่อดำเนินการเสร็จสิ้น ให้คลิก Continue (ทำต่อไป)
  13. หน้าจอ MobileMe จะปรากฏขึ้น เลือกตัวเลือกและคลิก Continue (ทำต่อไป)
  14. หน้าจอขอบคุณจะปรากฏขึ้น คลิก Go (ไป) เพื่อดำเนินการตาม Mac OS X Setup Assistant ให้เสร็จสมบูรณ์
  15. นำ DVD การติดตั้งของ Mac OS X ออก ด้วยการลากไอคอนไปที่ Trash (ถังขยะ)
ส่วนที่สี่: การติดตั้งแอพพลิเคชันที่รวมมา
  1. เมื่อต้องการติดตั้งแอปพลิเคชันที่รวมมา ให้ค้นหาดิสก์ติดตั้งแอปพลิเคชันหรือ MacBook Air Software Reinstall Drive (ไดรฟ์ติดตั้งซอฟต์แวร์ MacBook Air ใหม่) ที่มากับคอมพิวเตอร์ของคุณ
    หมายเหตุ: คุณอาจเห็นไอคอนซอฟต์แวร์อัพเดทที่เลื่อนขึ้นลงในส่วนของด็อค คุณสามารถออกจากการทำงานนี้ได้ในทันที
  2. ใส่ Applications Install Disk (ดิสก์การติดตั้งแอพพลิเคชัน) หรือใส่ MacBook Air Software Reinstall Drive (ไดรฟ์ติดตั้งซอฟต์แวร์ MacBook Air ใหม่) ในไดรฟ์ออปติคอลในพอร์ต USB
  3. ดิสก์จะเมาท์ และข้อความ Applications Install Disk (ดิสก์การติดตั้งแอพพลิเคชัน) จะปรากฏ ดับเบิลคลิกที่ Install Bundled Software (ติดตั้งซอฟต์แวร์ที่รวมมา) เพื่อติดตั้งแอพพลิเคชัน iLife หากคุณใช้ MacBook Air Software Reinstall Drive (ไดรฟ์ติดตั้งซอฟต์แวร์ MacBook Air ใหม่) ให้คลิกสองครั้งที่ไอคอน ติดตั้ง iLife
  4. ข้อความจะปรากฏเพื่อสอบถามว่าคุณต้องการรันแพ็กเกจหรือไม่ คลิก Continue (ดำเนินการต่อ)
  5. หน้าจอโปรแกรมติดตั้งแอพพลิเคชันของซอฟต์แวร์ที่รวมมาจะปรากฏขึ้น คลิก Continue (ดำเนินการต่อ)
  6. หน้าจอใบอนุญาตซอฟต์แวร์จะปรากฏขึ้น คลิก Continue (ทำต่อไป) จากนั้นคลิก Agree (เห็นด้วย) เพื่อยอมรับข้อตกลง
  7. ข้อความเลือกปลายทางจะปรากฏขึ้น โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าพาร์ติชันที่มีลูกศรสีเขียวเป็นปลายทางที่ถูกต้อง จากนั้นคลิก Continue (ทำต่อไป)
  8. เมื่อต้องการติดตั้งแอพพลิเคชันที่รวมมาทั้งหมด ให้คลิกที่ Install (ติดตั้ง)
  9. เมื่อต้องการเลือกแอพพลิเคชันทีละรายการ ให้คลิก Customize (ปรับแต่งเอง) คลิกรูปสามเหลี่ยมสำหรับแสดงรายการที่อยู่ถัดจากแอพพลิเคชันที่รวมมาเพื่อเลือกแอพพลิเคชันทีละรายการ จากนั้นให้คลิก Install (ติดตั้ง) การคลิกที่ Standard Install (การติดตั้งแบบมาตรฐาน) ในหน้าจอ Customize (ปรับแต่งเอง) จะเป็นการติดตั้งแอพพลิเคชันทั้งหมด
  10. พิมพ์รหัสผ่านที่คุณสร้างไว้ใน ส่วนที่สาม ขั้นตอนที่ 11 เพื่อเริ่มต้นการติดตั้ง
  11. ข้อความการรีสตาร์ทจะปรากฏขึ้น คลิก Continue Installation (ดำเนินการติดตั้งต่อไป)
  12. หน้าจอ Install was Successful (ติดตั้งสำเร็จแล้ว) จะปรากฏขึ้น คลิกรีสตาร์ท
กระบวนการคืนค่าดำเนินการเสร็จสมบูรณ์แล้วในขณะนี้
โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้อัพเดทซอฟต์แวร์ทั้งหมดหลังจากดำเนินการตามขั้นตอนนี้ จากเมนู Apple () ให้เลือกSoftware Update (ซอฟต์แวร์อัพเดท) เพื่อค้นหาการอัพเดทที่สามารถใช้งานได้ในขณะนี้สำหรับคอมพิวเตอร์ของคุณ
แก้ไขล่าสุด: 14 ก.พ. 2556

จะยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่โน้ตบุ๊ค Windows 7 ให้นานที่สุดได้อย่างไร?

Rated 2.09/5 (204 Votes)

จะยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่โน้ตบุ๊ค Windows 7 ให้นานที่สุดได้อย่างไร?

จำนวนผู้อ่าน 129,541 คน
โดย กองบรรณาธิการเว็บไซต์ ARiP.co.th - 15 ตุลาคม 2553 เวลา 14:10 น.
[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] มีรายงานข่าวว่า คอมพิวเตอร์ที่ใช้รัน Windows 7 ช่วยให้องค์กรประหยัดค่าไฟลงได้มากกว่า 1,200 (ประมาณ 40 เหรียญฯ) บาททต่อเครื่องต่อปี ซึ่งอานิสงฆ์นี้ยังส่งผลถึงการบริหารจัดการพลังงานบนโน้ตบุ๊คที่มีประสิทธิภาพขึ้นด้วย แต่ทั้งนี้ผู้ใช้จะต้องมีความเข้าใจพื้นฐานของระบบเสียก่อน จึงจะสามารถรีดพลังงานจากแบตเตอรี่โน้ตบุ๊คที่รัน Windows 7 ได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
พื้นที่โฆษณา  
สนใจลงโฆษณา ติดต่อ โทร.0-2642-3400 ต่อ 4613

ทราบไหมว่า นอกจากส่วนแสดงผลของโน้ตบุ๊คที่สวาปามพลังงานไฟฟ้ามากกว่าเพื่อนแล้ว ยังมีอุปกรณ์ส่วนไหนของเครื่องอีกที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ไม่แพ้กัน โพรเซสเซอร์? Wi-Fi และ Bluetooth? หรือ ลำโพง? ผมว่าอย่าเดาดีกว่า กราฟวงกลมข้างล่างนี้จะทำให้คุณผู้อ่านได้ทราบความจริงว่า ในโน้ตบุ๊คหนึ่งเครื่องมีการใช้พลังงานไฟฟ้าที่ส่วนใดบ้างมากน้อยอย่างไร? เพื่อใช้เป็นพื้นฐานในการเลือกระบบจัดการพลังงานที่จะทำให้ใช้งานโน้ตบุ๊คจากแบตฯที่เหลืออยู่ได้นานที่สุดนั่นเอง
ในส่วนของ Windows Vista จะโดนวิจารณ์อย่างหนักพอสมควรสำหรับระบบจัดการพลังงานแบตเตอรี่ที่พบว่า มันยังหมดค่อนข้างเร็ว ด้วยเล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าว ทางไมโครซอฟท์จึงได้พยายามอย่างหนักในการพัฒนาประสิทธิภาพการจัดการพลังงานของแบตเตอรี่บนระบบปฏิบัติการ Windows 7 อย่างไรก็ตาม หากแบตเตอรี่ของโน้ตบุ๊คคุณเก่าเสียเหลือเกินยังไงๆ มันก็หมดเร็วไม่ต้องสงสัย และนั่นเป็นสัญญาณถึงเวลาซื้อแบตเตอรี่ก้อนใหม่ได้แล้ว แต่ถ้าแบตฯของคุณยังสุขภาพดีอยู่ ทิปเหล่านี้จะช่วยยืดอายุการใช้งานแบตฯได้
กลับมาดูที่ประเด็นหลักของทิปนี้ ซึ่งจะพูดถึงโน้ตบุ๊คที่รัน Windows 7 เป็นสำคัญ ก่อนอื่นต้องบอกว่า แผงควบคุมการจัดการพลังงานของ Windows 7 ทำออกมาได้ดีทีเดียว โดยมันเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งความสว่างของหน้าจอ และเลือกแผนการใช้พลังงานไว้ใช้ได้เลย โดยผู้ใช้สามารถเข้าถึงระบบการจัดการพลังงานของ Windows 7 ได้ด้วยการกดปุ่ม Windows+X ซึ่งที่นี่จะเปิดโอกาสให้คุณปรับเปลี่ยนได้ทุกอย่าง ตั้งแต่ ความสว่างไปจนถึงการกำหนดแผนการใช้พลังงาน ถ้าคุณต้องการตัวเลือกที่ละเอียดกว่า คุณก็สามารถคลิกที่ไอคอน Battery ใน System Tray บนTaskbar ของคุณ แล้วเลือก More power options
คราวนี้คุณผู้อ่านก็สามารถเปลียนแปลงการใช้พลังงานของโน้ตบุ๊คได้เมื่อต้องการแล้ว ไม่ว่าจะเป็นลดความสว่าง เมื่อไรถึงจะเข้า sleep mode หรือแม้แต่กำหนดความสว่างก่อนเสียบปลั๊ก และหลังเสียบปลั๊ก นอกจากการปรับลดแสงสว่างของหน้าจอ เพื่อประหยัดพลังงานแล้ว คุณผู้อ่านสามารถเข้าไปวางแผนการใช้พลังงานได้ที่change advanced power settings  คุณจะสามารถเปลียนค่าการใช้พลังงานต่างๆ ได้อย่างละเอียดตั้งแต่ความเร็วของ processor (ช้าลงก็ใช้ไฟน้อยลง เอาไว้เลือกตอนที่แบตฯเหลือน้อยเต็มที) ระบบความเย็น (กรณีนั่งทำในห้องที่มีแอร์เย็นฉ่ำ) ตลอดจนการกำหนดการทำงานของปุ่ม Power 
นอกจากลดการใช้พลังงานโดยอุปกรณ์ทีกินไฟหลักๆ อย่าง หน้าจอ ซีพียู ชิปเซต แล้ว ยังมี Wi-Fi ซึ่งหากไม่ได้เชื่อมต่อ แต่เปิดสวิทช์นี้ไว้ มันก็จะพยายามเสาะแสวงหาเน็ตเวิร์กตลอดเวลา เพื่อเชื่อมต่อกับเครือข่าย ซึ่งกินไฟไม่ใช่น้อย หากคุณกำลังพิมพ์งาน หรืออ่านอีบุ๊ค ปิดสวิทช์ Wi-Fi ไปซะจะดีกว่านะครับ ส่วนโปรแกรมที่ไม่ได้ใช้แต่นอนแช่อยู่ใน Taskbar ก็เปลืองพลังงานเหมือนกัน อันไหนไม่ใช้ปิดไปเถอะ ในกรณีที่เครื่องของคุณมี RAM น้อย และคุณต้องรันโปรแกรมอย่างน้อย 2-3 ตัวพร้อมกันอยู่เป็นประจำ ทำให้ต้องสลับการทำงานไปมา แน่นอนว่า ภาระส่วนหนึ่งจะตกไปอยู่ที่ฮาร์ดดิสก์ที่ต้องใช้ทำหน้าที่แทนหน่วยความจำ และลงท้ายด้วยการใช้พลังงานแบตฯทีมากโดยไม่ตั้งใจอยู่ดี กรณีนี้แนะนำว่า ลงทุนซื้อ RAM เพิมเถอะนะ คงจะพอหอมปากหอมคอนะครับ สำหรับทิปการประหยัดพลังงานแบตฯ โน้ตบุ๊ค Windows 7 หากให้แนะนำทุก Options คงหลายสิบหน้าแน่ๆ เลย ยังไงตอนปรับแต่งให้คอยสังเกตด้วยว่า Windows 7 รายงานเวลาใช้แบตเตอรี่ที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าไร? ขอให้สนุกกับ Windows 7 นะครับ

Android 4.4 KitKat จะเป็นประสบการณ์รูปแบบใหม่ที่ผูกกับแพลตฟอร์มทีวี

Rated 5/5 (1 Vote)

Android 4.4 KitKat จะเป็นประสบการณ์รูปแบบใหม่ที่ผูกกับแพลตฟอร์มทีวี

จำนวนผู้อ่าน 9,655 คน
โดย chutchawal - 25 ตุลาคม 2556 เวลา 08:19 น.
[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา Google จัดการรีแบรนด์ Google TV เปลี่ยนมาใช้ชื่อ Android TV แทน เพื่อเป็นการดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคให้มากขึ้น พร้อมกันนี้ในอนาคตอันใกล้ Android TV จะเป็นแพลตฟอร์มที่สามารถเชื่อมกับระบบปฏิบัติการ Android ได้อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ที่ Android 4.4 KitKat จะเป็นโอเอสรุ่นใหม่ล่าสุดที่เข้ามาช่วยขับเคลื่อนให้ทีวีจาก Google น่าสนใจยิ่งขึ้น
พื้นที่โฆษณา  
สนใจลงโฆษณา ติดต่อ โทร.0-2642-3400 ต่อ 4613

จากความพยายามของ Google ต่อการผลักดัน Google TV มันกลับไม่เป็นที่นิยมของผู้บริโภคในตลาดทีวีได้ แต่ Google ก็ไม่ละความพยายามขอทุ่มเทให้กับตลาดทีวีอีกครั้งด้วยการเริ่มจากรีแบรนด์ไปใช้ชื่อ Android TV พร้อมหันมาใช้การผูกแพลตฟอร์มทีวีกับ Android OS ให้มากขึ้น ล่าสุดเว็บไซต์ ETNews ของประเทศเกาหลีระบุว่า Android 4.4 KitKat จะมีความสามารถในการทำงานร่วมกับอุปกรณ์ที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ได้มากขึ้น โดย Google ได้พัฒนาประสิทธิภาพเพื่อให้ Android 4.4 KitKat เป็นตัวเชื่อมการทำงานข้ามแพลตฟอร์มระหว่างสมาร์ทโฟนและสมาร์ททีวีได้
ซึ่ง Google เองคงประเมินแล้วว่าจำนวนการใช้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต Android ในปัจจุบันและอนาคตจะมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จึงเป็นโอกาสที่ดีที Google จะสร้างแรงจูงใจให้กับผู้บริโภคในตลาดทีวีให้หันสนใจ Android TV มากขึ้น รวมถึงเป็นการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆของความบันเทิงในบ้านได้อีกด้วย
อ้างอิงจาก phonearena

Mac OS X Mountain Lion ให้ชีวิตคุณง่ายขึ้น



ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา เพื่อนๆหลายคน คงมีโอกาสได้ลองใช้ นวัตกรรมใหม่ล่าสุดของ Apple อย่าง Mac OS X 10.8 ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการแมคอินทอชเวอร์ชันล่าสุด ใช้ชื่อรหัสว่าสิงโตภูเขา หรือ Mountain Lion นั้นเพิ่งเปิดให้ผู้บริโภคใช้งานเมื่อวันที่ 26 ก.ค.55 ที่ผ่านมา แอปเปิลระบุว่าระบบปฏิบัติการถูกซื้อไปติดตั้งมากกว่า 3 ล้านก๊อบปี้แล้ว 
        หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ Mountain Lion ได้รับเสียงตอบรับอย่างดีเยี่ยมคือการคิดค่าบริการเพียง 20 เหรียญสหรัฐ (ราว 600 บาท) ซึ่งผู้ใช้แมคอินทอชทุกคนสามารถดาวน์โหลดไปใช้งานได้อย่างสะดวกในราคาไม่แพงเกินไป โดยผู้ที่ซื้อคอมพิวเตอร์แมคอินทอชเครื่องใหม่หลังวันที่ 11 มิถุนายน จะสามารถอัพเกรดเป็น Mountain Lion ได้ฟรี
โดยเครื่อง Mac ที่ซื้อหลังจากวันที่ 11 มิ.ย. 55 จนถึงวันที่ 25 ก.ค. 55 จะได้สิทธิ์อัพเดท Mac OS X Mountain Lion ฟรี และเครื่อง Mac ที่ซื้อหลังจากวันที่ 25 ก.ค.55 (วันที่ 26) ได้รับสิทธิ์อัพเดท Mac OS X Mountain Lion เช่นกันครับ แต่ระยะเวลาในการเปิดให้อัพเดทฟรีมีเวลา 30 วัน

คุณสมบัติเด่นของ Mountain Lion คือการดึงคุณสมบัติที่มีในอุปกรณ์พกพาของแอปเปิลทั้งไอโฟน (iPhone) และไอแพด (iPad) มาสู่คอมพิวเตอร์แมคอินทอช ขณะเดียวกันก็ผสานบริการเก็บข้อมูลออนไลน์อย่างไอคลาวด์ (iCloud) ไว้แบบเป็นเนื้อเดียวยิ่งกว่าเดิม พร้อมกับเพิ่มหน้าแจ้งเตือน หรือ “Notification Center” ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้เห็นอีเมลใหม่ ข้อความเตือนความจำเกี่ยวกับปฏิทินงานที่กำลังจะมาถึง รวมถึงอีเวนต์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น


สามารถใช้งานได้โดยการ Login iCloud ID จาก ตัวอุปกรณ์ iDevice หรือจาก Mac แล้วทำการจัดการไฟล์ได้ในครั้งเดียว เสมือนการโคลนนิ่งไฟล์จากที่หนึ่งไปยังอีกทีนึงอย่างง่ายดาย

โดยใน OS X 10.8 จะมี iMessages มาแทน iChat เลย สามารถใช้งานด้านการติดต่อสนทนาได้เหมือนกับ iChat และจะเป็นตัวตายตัวแทนของ iChat เลยทีเดียว โดยสามารถส่งไฟล์ พิมพ์พูดคุย หรือแม้แต่ Face time ผ่านแอพฯนี้ได้จากทั้ง iPhone iPad iPod และ Mac

ศูนย์รวมการแจ้งเตือนต่างๆไม่ว่าจากแอพฯหรือจากอีเมล ข้อความ และอื่นๆอีกมากมาย สามารถตั้งการเตือนได้หลากหลายระดับ

โดยใน OS X Mountain Lion รุ่นใหม่จะมีปุ่มเพิ่มมาให้นั่นก็คือปุ่ม Share สามารถกดแชร์สิ่งต่างๆได้ผ่านทาง Safari รูปภาพ ไฟล์วีดีโอ ข้อความละอื่นๆไปหาอุปกรณ์อื่นๆได้อย่างง่ายดาย ผ่านทางอีเมลหรือทวิตเตอร์และโซเชียลมีเดียอื่นๆ

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงเบื้องต้นเท่านั้น ยังมีความน่าสนใจอย่างอื่นที่เพิ่มเข้ามาอีกมากมายซึ่ง เป็นประโยชน์ต่อการใช้งานของ เพื่อนๆได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สามารถหาข้อมูลเพิ่่มเติมได้ตาม Link ด้านล่างสำหรับ ใครที่มีโอกาสได้ลองใช้แล้ว นำประสบการ์มาแชร์กันบ้างนะครับ^^